https://image.nostr.build/a57409f5bf2c7fc8433e583fa7a4f16af746e2f4f76617aa3451fb0bba1c023c.jpg
⁉️ทำไมการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินอย่าง M2 supply ไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อเสมอไปในกรณีที่เงินออมเก็บมูลค่าได้ (หรือไม่ได้ถูกทำให้เสื่อมค่าลง เช่นการพิมพ์เงินออกมาเป็นจำนวนมากของธนาคารกลาง)
ในปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินในระบบ (M2 Money Supply), ความเร็วในการหมุนเวียนของเงิน (Money Velocity), และผลกระทบที่มีต่อเงินเฟ้อและมูลค่าเงิน นอกจากนี้ การเสื่อมค่าของเงินยังส่งผลให้ผู้คนมองหาทางเลือกในการรักษามูลค่า เช่น การลงทุนใน Bitcoin และสินทรัพย์อื่น ๆ
ด้านล่างนี้คือคำอธิบายของทั้งสองหัวข้อที่เกี่ยวข้องกัน:
1. Money Velocity และผลกระทบต่อเงินเฟ้อ
Money Velocity หมายถึง ความเร็วที่เงินถูกใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งคำนวณได้จากสูตร:
Money Velocity(V) = Price Level(P) x Real GDP(Y)/ Money Supply (M2)
โดย:
• P: ระดับราคาสินค้าในระบบเศรษฐกิจ
• Y: ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่ปรับตามเงินเฟ้อ
• M2: ปริมาณเงินในระบบ
ตัวอย่าง:
สมมติ P=120, Y=20 ล้านล้านดอลลาร์,
M2= 5ล้านล้านดอลลาร์
V= 120 x 20,000,000,000,000/ 5,000,000,000,000 =480
ความหมาย: เงินในระบบหมุนเวียน 480 ครั้งต่อปี
ประเด็นสำคัญ:
1. หาก M2 เพิ่มขึ้น แต่คนใช้จ่ายช้าลง (Velocity ลดลง) เช่น ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ จะทำให้เงินเฟ้อไม่เพิ่มขึ้นทันที
2. GDP หรือการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นทัน อาจช่วยรองรับปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไม่เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อ
2. ทำไม M2 Supply ที่เพิ่มขึ้นถึงทำให้เงินเสื่อมค่า และเงินเฟ้อในบางกรณี?
การเพิ่มขึ้นของ M2 เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญของเงินเฟ้อ เนื่องจาก:
• ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจจริง (Real GDP) ทำให้เงินในมือคนทั่วไปมีมูลค่าลดลง
• การพิมพ์เงินจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ (เช่น ช่วง COVID-19) ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม M2 ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดเงินเฟ้อในทันทีเสมอไป เพราะ:
1. Money Velocity อาจลดลง: หากคนไม่ใช้จ่ายเงิน แต่เก็บออมแทน เช่น ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
2. เงินอาจไหลไปยังสินทรัพย์อื่น (Asset Inflation): เงินส่วนเกินในระบบไม่ได้ใช้ซื้อสินค้าและบริการ แต่ไหลไปสู่การลงทุนในหุ้น, อสังหาริมทรัพย์, หรือคริปโต
3. เศรษฐกิจสามารถดูดซับเงินได้: เช่น หาก GDP หรือการผลิตสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นทันตามการเพิ่มของ M2
3. ทำไมคนถึงหันมาลงทุนใน Bitcoin?
การที่ M2 เพิ่มขึ้นและเงินเสื่อมค่า ทำให้ผู้คนมองหา Store of Value หรือสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ดี ซึ่ง Bitcoin กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยม เนื่องจาก:
1. จำนวนจำกัด: Bitcoin มีเพียง 21 ล้านเหรียญ ทำให้ไม่เกิดการพิมพ์เงินเพิ่มเหมือนเงินกระดาษ
2. ป้องกันเงินเฟ้อ: Bitcoin ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันมูลค่าของเงินที่ลดลงจากเงินเฟ้อ (Hedge Against Inflation)
3. ไร้การควบคุมจากรัฐบาล (Decentralization): Bitcoin ไม่ขึ้นอยู่กับธนาคารกลางหรือรัฐบาลใด ๆ ซึ่งแตกต่างจากเงินกระดาษที่สามารถถูกพิมพ์เพิ่มได้ไม่จำกัด
4. ความนิยมที่เพิ่มขึ้น: เช่นในช่วง COVID-19 เมื่อรัฐบาลสหรัฐพิมพ์เงินมหาศาล ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงจากต่ำกว่า $10,000 ในปี 2020 ไปเกิน $60,000 ในปี 2021
สรุป
การเพิ่มขึ้นของ M2 Money Supply มีผลทำให้เงินเฟ้อและเงินเสื่อมค่าโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไม่สามารถรองรับเงินใหม่ได้ทันที แม้ว่าในบางกรณี Velocity ลดลงจะชะลอเงินเฟ้อ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลกระทบของเงินเสื่อมค่าก็จะเริ่มชัดเจนมากขึ้น ทำให้ผู้คนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่า เช่น Bitcoin ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันเงินเฟ้อและไม่เสี่ยงต่อการเสื่อมค่าเหมือนเงินกระดาษ
#Siamstr #Economy #economics #bitcoin #nostr #BTC #finance